วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560


สุดท้ายยยยยก็คือ Perfect Continuous

       
       "ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Perfect Continuous มันก็เลยต้องมีทั้ง Perfect คือ have + V3 แล้วก็ Continuous ก็คือ Ving ด้วย รูปประโยคของมันก็เลยเป็น Sub + V. to have + V.3 (ซึ่งในที่นี้คือ been ซึ่งเป็นช่อง 3 ของ be) + Ving"
       
       • Present Perfect Continuous จากรูปแบบมันเราเลยได้เป็น "Sub + has/have + been + Ving" โดย has/have been ก็บอกความเป็น perfect ส่วน Ving ก็บอกความเป็น Continuous จับมาต่อกัน
       
       • Past Perfect Continuous จับ has/have มาทำเป็นอดีตซะ ที่เหลือไม่ต้องเปลี่ยน ก็ได้เป็น “Sub + had + been + Ving”ซึ่ง had ก็บอกว่าเป็นอดีต แล้ว had+been ก็บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous ครบ!!!
       
       • Future Perfect Continuous เป็น future เมื่อไหร่ ใช้ will เมื่อนั้น! มี will เมื่อไหร่หลัง will เป็น have เท่านั้น เราก็เลยได้ว่า “Sub + will + have + been + Ving” โดย wil บอกความเป็นอนาคต have been บอกความเป็น perfect แล้ว Ving ก็บอกความเป็น Continuous !!!!!
       
       ***ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ใช้***
       will + has + been + Ving ผิดทันที
       will + been + Ving ผิดทันที
       will + have + be + Ving ผิดทันที 
       


       สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect Continuous ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลา ปัจจุบัน อดีต อนาคต
       จะมี Sub + V.to have ในกล่องสีพีช + been แล้วตบท้ายด้วย Ving ตลอด





ช่องถัดมาคือ Perfect รูปของมันจะเป็น V. to have + V3 (ที่ดูเหมือนยาก แต่ก็ไม่ยากเลย)

       
       "มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to have + V3 โดยที่เราผันตัว V.to have ไปตามเวลาของมัน แต่ V3 คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Perfect คือ V3"
        
       • Present Perfect ก็เลยเป็น "Sub + has/have + V3" ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ (He, She,I t, คน สัตว์ ของ 1 อัน) ก็ใช้ "has" ถ้าเป็นพหูพจน์ (You, We, They, คน สัตว์ ของมากกว่า 1) ก็ใช้ "have"
       
       • Past Perfect แบบประโยคเหมือนเดิม แต่เราต้องทำ has/have ให้มันเป็น ช่อง 2 เพราะ V2 คือ V ที่บอกอดีต แล้วช่อง 2 ของ has/have ก็คือ had เราเลยได้เป็น "Sub + had + V3" อุต๊ะ ง่ายจิมจิม!!
       
       • Future Perfect พอเป็นอนาคตก็ต้องบอกว่า "จะ..." เหมือนเดิม ได้เป็น "Sub + will + have + V3" เพราะหลัง will บอกแล้วว่า verb มันต้องธรรมดา ไม่เติม ไม่เปลี่ยน เลยต้องกลับมาใช้ have ธรรมดา แล้วก็ตามด้วย V3 ซะ ได้ Perfect ด้วย แล้วยังเป็น Future อีกต่างหาก 
       
       ***และใช้ have อย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ has จำซะว่าเราเน้นบอกว่ามันเป็นอนาคต ส่วน Perfect เราแค่มี have + V3 มันก็ perfect แล้วไง ไม่ต้องไป has ให้มันเยอะ!! ดังนั้นเมื่อไหร่ใช้ will has ..... หรือ will had.....  หรือ will v3..... ผิดทันที !!!!!!!!***
        
     

  สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Perfect  ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน 
       จะมีกรอบสีพีชที่เป็น V.to have ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีชมพู คือ V3 ตลอด



ช่องที่สองคือ Continuous รูปประโยคของมันจะเป็น V. to be + Ving

       (Verb to be ก็คือ is am are เป็น อยู่ คือ ที่ท่องกันมานั้นแหละ)
       
       "มันจะอยู่ช่วงเวลาไหน มันก็เป็น V.to be + Ving โดยที่เราผันตัว V.to be ไปตามเวลาของมัน แต่ Ving คงเดิมตลอด เพราะตัวที่บอกความเป็น Continuous คือ Ving"
        
        Present Continuous ก็เลยจะเป็น Sub + is/am/are + Ving ดังนั้นเมื่อไหร่เจอ I'm kicks. I'm loves. ผิดทันที!!! แต่ถ้าเจอ I'm kicked. I'm loved. อาจจะไม่ผิดนะ เป็นรูปประโยคแบบ Passive Voice ต้องแปลความหมายเอา แต่พวก I'm said....ผิดทันที
       
       • Past Continuous รูปประโยคแบบเดิมเปี๊ยบแต่เราผันตัว is/am/are ให้กลายเป็นอดีตไปซะ ก็จะได้เป็น Sub + was/were + Ving
       
       • Future Continuous พอเป็นอนาคต เราก็ต้องใช้ “will” มาบอกว่าเรา "จะทำ" แล้วหลัง will มันต้องไม่เปลี่ยน ไม่เติมอะไร เราก็เลยได้เป็น “Sub + will + be + Ving” และ “be” ตรงกลางนั่นก็มาจาก V. to be ไง จำได้มั้ยรูปประโยคต้องเป็น V.to be + Ving ตลอด
       
       



สรุป ไปดูในรูปจะเห็นว่า ช่อง Continuous  ไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน       จะมีกรอบสีเหลืองที่เป็น V.to be ตลอด และที่สำคัญที่สุดคือ มีตัวสีส้ม คือ Ving ตลอด


เรามาเริ่มกันที่ Simple Tense ง่ายที่สุดกันเลย


  • Present Simple เป็นแบบที่เราเรียนกันมาง่ายๆ เลย “Sub + V1” (เติม s/es เมื่อประธานเป็นเอกพจน์)

      Example : I eat lunch everyday.


       
  • Past Simple ก็ง่ายอีก “Sub + V2” ไปเลย ในเมื่อ V2 มันก็คือกริยาที่ใช้สำหรับในอดีตอยู่แล้ว

       Example  : I ate lunch yesterday.
       
  • Future Simpleเอา “Sub +  will + Vinf”โดยที่คำว่า will แปลว่า "จะ" มันจะทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยในประโยค ตามด้วย Vinf ก็คือ Verb ที่ไม่เปลี่ยนไม่เติมอะไรใดๆ ทั้งสิ้น หรือแบบที่เราจำกันมาตลอดว่า Sub + will + V1 นั้นแหละ เราก็จำว่า ถ้าจะบอกว่า จะทำนู้น จะไปนี่ จะเอานั่น เราก็แค่ใช้ “will + verb” ข้างหลังที่ไม่ต้องไปเติมไรให้มันอีก เพราะ will บอกไปหมดแล้วว่ามันเป็นอนาคต เราเหลือแค่ต้องบอกว่าจะทำอะไร แค่นั้นพอ อย่าเยอะ!

      Example  : I will eat lunch tomorrow.



เห็นใหมง่ายนิดเดียว ใช่ใหมจ๊ะทุกคน..




           หากคุณเคยมีปัญหากับ  'Tense' ที่ทั้งท่องทั้งจำกันมาตั้งแต่เด็ก  ก็ไม่เข้าหัว  โดยครู บีบี ได้เขียนสรุปทั้ง 12 tense อ่านแล้วเข้าใจง่าย  ถ้าพร้อมแล้วไปดูวิธีไม่ลับจำ 'Tense' กันเลย...
⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪⧪

ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่า 12 Tense มีอะไรบ้างTense จะมี 4 อันคือ1.Simple  2.Continuous  3.Perfect  4.Perfect Continuousและ  Time (เวลา) จะมี 3 อัน คือ1.Present (ปัจจุบัน)  2.Past (อดีต)  3.Future (อนาคต)ถ้านำ Tense และ Time มารวมกันก็จะกลายเป็น 12 Tense นั่นเอง ดังนี้

Present Simple

     Past Simple     Future Simple          Present Continuous     Past Continuous     Future Continuous          Present Perfect     Past Perfect     Future Perfect          Present Perfect  Continuous     Past Perfect  Continuous     Future Perfect  Continuous

โครงสร้าง 12 Tense ดังตารางนี้เลยจ้าาา...





เห็นโครงสร้างของ Tense นี้แล้ว ทุกคนคงกำลังคิดว่ายากจัง ที่จริงแล้ว มันง่ายนิดเดียว
ตามมาดูวิธีไม่ลับจำกันเลย



🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜🔜



สวัสดี เพื่อน พี่ๆ น้องๆ


Welcome!! ยินดีต้อนรับทุกๆคน มาสนุกกับ Tense 12 Tense กับครู บีบี (BB) นะจ๊ะ
12 Tense""""เข้าใจง่าย .....มาดูวิธีจำ 12 Tense แป๊บเดียวก็จำได้
...
                               





เจ้าของเว็บไซต์

นายปริญญา  พยุงตน
Mr.Parinya  Payungton
นักศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู 
คณะคุรุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์


สุดท้ายยยยยก็คือ Perfect Continuous                 "ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า  Perfect Continuous  มันก็เลยต้องมีทั้ง  Perfect  คือ  ha...